ใครที่กำลังมองหาทางออกเพื่อจัดการกับปัญหาริ้วรอยแห่งวัย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และปัญหาผิวอื่น ๆ อีกมาก คาดว่าหนึ่งในหัตถกรรมที่คุณจะต้องเคยได้ยิน หรือสนใจกันอยู่ คงหนีไม่พ้นกับชื่อของการฉีดสเต็มเซลล์ หรือที่หลายคนอาจคุ้นหูกันอย่าง สเต็มเซลล์เด็กลง เหตุผลที่มีการห้องคำว่าหน้าเด็กลง เพราะความสามารถของสเต็มเซลล์ที่พื้นฐานช่วยเรื่องการฟื้นฟู และซ่อมแซมอวัยวะที่เสียหาย รวมไปถึงการเสริมความสามารถของเซลล์อื่น ๆ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลรีวิวที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ และอยากลองฉีดสเต็มเซลล์เด็กลงกันสักครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับหัตถกรรมนี้ดีมากนัก คาดว่าบทความชิ้นนี้จะทำให้คุณได้เข้าใจ และได้ข้อมูลที่จำเป็นเพิ่มเติม เพียงพอต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการได้อย่างแน่นอน
อยากจะพาทุกคนมารู้จักกับสเต็มเซลล์เด็กลงกันให้ดีเสียก่อนว่าแท้ที่จริงแล้ว สเต็มเซลล์นั้นคืออะไร สเต็มเซลล์นี้คือเซลล์ชนิดหนึ่งที่ร่างกายของมนุษย์สร้างขึ้น และมีอยู่ในร่างกาย โดยเซลล์ชนิดนี้ยังไม่ได้พัฒนาไปเป็นเซลล์อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง หน้าที่หลักของเซลล์นี้คือการฟื้นฟู และซ่อมแซมอวัยวะที่เสียหาย หากคุณเกิดแผล และแผลปิด ค่อย ๆ สมานกัน นั้นคือสิ่งที่สเต็มเซลล์ทำกับแผลที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้น สเต็มเซลล์ในร่างกายก็ยิ่งต่ำ และทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นตัวได้ดีเท่ากับสมัยเด็ก ริ้วรอยแห่งวัย ร่องแก้ม และรอยย่นบริเวณหน้าผากก็เริ่มถามหา การได้ฉีด และนำสเต็มเซลล์เข้าไปกระตุ้นการทำงานของสเต็มเซลล์เดิมของร่างกาย ให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น
ใครที่อยากจะลองทำสเต็มเซลล์กันสักครั้ง และไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ต้องเริ่มจากอะไร และทางแพทย์จะมีขั้นตอนในการรักษาในรูปแบบใดบ้าง ในเนื้อหาส่วนนี้จะเป็นการรีวิวสเต็มเซลล์เด็กลง ให้ผู้ที่สนใจได้เห็นลำดับ และขั้นตอนในการรักษามากที่สุด
1. ปรึกษาแพทย์
อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเหมาะ หรือไม่เหมาะกับการฉีดสเต็มเซลล์ เนื่องจากการฉีดสเต็มเซลล์นั้นมีเรื่องที่ต้องคำนึง และองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากที่ต้องอาศัยประสบการณ์ และความชำนาญของแพทย์เพื่อให้คุณทราบว่าปัญหาผิวที่เป็นนั้นจำเป็นต้องฉีดสเต็มเซลล์หรือไม่ และที่สำคัญเลยก็คือจำเป็นต้องใช้เซลล์จำนวนเท่าไหร่ ทางแพทย์จะต้องเป็นผู้คำนวณ และติดต่อประสานงานกับทางแล็บล่วงหน้าก่อน 7 วัน
2. สั่งสเต็มเซลล์
เมื่อทางแพทย์วิเคราะห์จำนวนเซลล์ที่คุณต้องใช้ และบอกค่าใช้จ่ายไปแล้ว หากคุณสนใจ และพร้อมที่จะเข้ารักษา ทางแพทย์จะแจ้งไปที่แล็บเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการเพาะ และคัดสรรแต่สเต็มเซลล์ที่แข็งแรง และมีความพร้อมสูงสุด
3. เข้ารับการรักษา
ถึงวันที่ทางแพทย์นัดเพื่อเข้ารับการรักษา แพทย์จะทำการวางยาชาบนผิวหน้าของคุณไว้ประมาณ 45 นาที เมื่อหน้าไร้ความรู้สึกแล้ว ทางแพทย์จะเริ่มทำการสอดเข็มขนาดเล็กไปยังตำแหน่งที่จะเริ่มฉีด และฉีดสเต็มเซลล์เด็กลงทั่วใบหน้าของคุณ
4. เสร็จสิ้นขั้นตอน
จริง ๆ แล้วขั้นตอนในการรักษานั้นเสร็จสิ้นแล้ว แต่สิ่งที่คุณจะต้องให้ความสำคัญต่อมาคือเรื่องการดูแลตัวเองหลังจากที่ฉีดสเต็มเซลล์เด็กลง ซึ่งทางแพทย์จะแนะนำ พร้อมกับเตรียมยา และอุปกรณ์ในการดูแลตัวเอง
หลังจากที่ทำการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหน้าของคุณแล้ว เพื่อให้สเต็มเซลล์ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ การดูแลตัวเองหลังจากที่ทำการฉีดสเต็มเซลล์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และไม่ควรมองข้าม โดยจะมีสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง และห้ามทำในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังทำ ดังนี้
อาการโดยรวมหลังจากเพิ่งฉีดสเต็มเซลล์ สิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใดคือ หน้าของคุณจะบวมเปล่งกว่าปกติ หากต้องการให้บริเวณดังกล่าวลดอาการอักเสบ ควรประคบเย็นเพื่อให้แผลไม่อักเสบมากกว่าที่เป็นอยู่ ที่ต้องเกริ่นส่งท้ายไว้เพราะหลายคนที่ยังไม่เคยได้ฉีดสเต็มเซลล์ มักคิดว่าตัวเองมีอาการแพ้ หรืออาการที่เกิดขึ้นเป็นกรณีอันตราย อย่างไรก็ดีหากเกิดสิว หรือผื่นขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนตัว เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะแพ้ก็เป็นได้
นี่เป็นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่สนใจในการฉีดสเต็มเซลล์เด็กลง ไม่ว่าจะเป็นการทำความรู้จักกับสเต็มเซลล์เพิ่มเติม, การได้รู้ขั้นตอนการฉีดสเต็มเซลล์ รวมถึงข้อห้ามในการดูแลสเต็มเซลล์ให้ทำงานได้เต็มศักยภาพจริง ๆ เพราะไม่งั้นแล้วเงินที่เสียไปกับค่าใช้จ่ายจะไม่คุ้มเสีย เพราะการฉีดสเต็มเซลล์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ และราคาต่ำแต่อย่างใด เชื่อว่าทุกคนเมื่อฉีดแล้วก็อยากจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกับผิวของตัวเอง
Ref.
ทำความรู้จักสเต็มเซลล์และประโยชน์ของสเต็มเซลล์ - Stemcellforlife